ข่าวลูกทรพี ล่าสุด พี่ชายคนละพ่อมาช่วยดำนา แต่ลูกทรพีคิดว่า แม่เอาเงิน เอาข้าวของให้ ก่อนคว้าไม้ทุบแม่แท้ๆ ดับคาเตานึ่งข้าว สามีผู้ตายเข้ามาเห็นแทบช็อก คดีสลด ลูกชายวัย 27 ปี ก่อเหตุใช้ท่อนไม้ทุบตีแม่บังเกิดเกล้าจนเสียชีวิต ร.ต.อ.นิคม สะตะ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ระบุว่า ได้รับแจ้งเหตุลูกชายทำร้ายแม่เสียชีวิตที่บ้านพัก ต.ดูนสาด อ.กระนวนฯ จึงรุดไปตรวจสอบ
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านพักชั้นเดียวก็ได้พบศพหญิงนอนเสียชีวิต มีบาดแผลถูกของแข็งทุบที่ศีรษะ ใกล้กันมีท่อนไม้เปื้อนเลือดวางอยู่ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นสิ่งของ โดยต่อมาทราบชื่อผู้ตาบว่า คือ นางน้อย สีคูณ อายุ 52 ปี
ด้าน นายสุขสันต์ สามีผู้ตายซึ่งยังอยู่ในอาการเสียใจ เล่าว่า คนลงมือทำร้ายภรรยาของตนจนเสียชีวิต คือ นายธนูชัย ลูกชายแท้ๆ อายุ 27 ปี โดยก่อนเกิดเหตุ นายสุขสันต์ ลูกชายผู้ตายกับสามีเก่า เดินทางจาก จ.กาพสินธุ์ มาช่วยทำนา พร้อมกับตนและลูกชาย จากนั้นจึงเดินทางกลับไปช่วงเย็น
ต่อมา ฝั่งลูกชายแท้เกิดมีปากเสียงกับแม่ เพราะคิดว่าแม่เอาเงินและข้าวของให้สุขสันต์กลับไปด้วย แล้วก็ได้ยินเสียงดังตุบ 1 ครั้งพร้อมเสียงภรรยาร้อง ตนเองจึงวิ่งมาดูก็เจอลูกชายวิ่งสวนทางออกไป ส่วนภรรยานอนฟุบอยู่ที่พื้นเลือดไหลนอง ตนร้องตะโกนถามไล่หลังไป “มึงฆ่าแม่มึงทำไม มึงฆ่าเมียกูทำไม” แล้วขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านเพื่อพาส่งรพ. แต่ไม่ทันภรรยาสิ้นใจไปแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุม นายธนูชัย ผู้ก่อเหตุ ได้ในเวลาต่อมา พร้อมกับแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ร่วมกันจับกุม นายกิตติพงศ์ฯ สืบเนื่องจาก เมื่อ พ.ศ.2556 ผู้ต้องหากับพวกได้รับจ้างก่อสร้างอุโบสถวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ตรัง โดยมีเจ้าอาวาส (ผู้เสียหาย) ในขณะนั้นเป็นผู้ว่าจ้าง ขณะที่ผู้ต้องหากับพวกกำลังทำงานอยู่ ผู้เสียหายมาตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้าง ผู้ต้องหากับพวกทวงถามค่าตอบแทนแต่ถูกผู้เสียหายปฏิเสธ เป็นเหตุให้ผู้ต้องหากับพวกเกิดความโกรธ ใช้ไม้หน้าสามรุมทำร้ายผู้เสียหาย จนหมดสติ อาการสาหัส แล้วหลบหนีออกจากวัดไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจนกระทั่งสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาและนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สลด สองแม่ลูก-หลานสาว 18 ติดยาบ้างอมแงม ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง ไม่รู้ใครเผา
แม่ชวนลูก หลานสาว เสพยา บ้านเพลิงไหม้ทั้งหลัง บอกไม่รู้ใครเผา สามีทนไม่ไหวย้ายหนี เผย ติดยาบ้างอมแงม วัน ๆ ไม่ทำอะไร
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.65 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ใน อ.นายูง จ.อุดรธานี โดยหลังจาก นายสุระชัย คุ้มสุข ปลัดอำเภอนายูง จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ ก็ได้ประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลโนนทอง, เทศบาลตำบลนายูง และ อบต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย รุดเข้าไปตรวจสอบและทำการควบคุมเพลิง โดยเมื่อเจ้าหาที่ไปถึง ไฟกำลังลุกไหม้อยู่ชั้นบนของบ้าน ต้องใช้เวลาดับเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเพลิงได้เผาทรัพย์สินเสียหายทั้งหมด
ภายหลังควบคุมเพลิงได้สำเร็จ นางคำภู อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับบริเวณจุดเกิดเหตุ อยู่ในอาการคล้ายคนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง
ขณะที่ นายเปีย อายุ 52 ปี สามีของนางคำภู เล่าว่า ตนได้สอบถามกับชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากชั้นสองของบ้านก่อนที่ลูกสาวและหลานสาวตนจะวิ่งออกมาและขี่จักรยานยนต์หนีไปจากที่เกิดเหตุ ส่วนชาวบ้านได้ไปร้องเรียกให้นางคำภูหนีออกมาจากตัวบ้านเพราะกลัวจะถูกไปคลอก โดยปกติบ้านหลังดังกล่าวจะมีนางคำภูอยู่บ้านเพียงลำพัง เมื่อก่อนอยู่กันเป็นครอบครัวรวม 6 คนแต่ทนพฤติกรรมนางคำภูไม่ไหวจึงย้ายออกมา
โดยสาเหตุที่ นายเปีย ทนพฤติกรรมภรรยาตัวเองไม่ได้ เนื่องจากทั้งภรรยา ลูกสาว และหลานสาว ติดยาบ้ากันงอมแงม วันๆ ไม่ทำอะไร จึงต้องตัดสินใจย้ายออกมา ส่วนสาเหตุของเพลิงไหมนั้น สามีของนางคำภู มั่นใจว่าทั้งสามคนน่าจะเสพยาจนเกิดอาการหลอน ก่อนก่อเหตุไฟไหม้บ้าน ยินดีให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงหากใครทำและให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลย
ทั้งนี้ นางคำภู เจ้าของบ้าน ยอมรับ ตัวเธอกับลูกสาวและหลานสาว เสพยาบ้ากันบนบ้านจริง แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเผาบ้าน ให้ไปเรียกตำรวจมาสอบสวนพวกตนได้เลยยอมรับว่าเสพแต่ยาบ้าจริงแต่ไม่ได้เผาบ้านตัวเอง
ทั้งนี้ ประเด็นสาเหตุของเพลิงไหม้และใครเป็นคนก่อเหตุนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนางคำภูไปสอบสวนพร้อมกับตรวจหาสารเสพติดเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป
พร้อมย้อนถามว่า ที่ผ่านมา มีใครรู้บ้างว่าผ้าชิ้นนี้เป็นของจริงหรือของปลอม ถ้าไม่ได้ตรวจสอบ ดังนั้น เมื่อรู้ และผลตรวจสอบชัดเจนจนสิ้นข้อสงสัย ก็ตัดพยานวัตถุนี้ทิ้งไป ยืนยัน ว่า ตนไม่ได้ต้องการปั่นกระแสในสังคม และไม่ใช่คนไร้สาระขนาดนั้น ที่สำคัญคนทำงานต้องการของจริงเท่านั้น ไม่มีใครอยากเสียเวลา
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป